ตอนนี้ฉันมีบันทึกส่วนตัวอยู่เล่มหนึ่ง สามารถพกพาติดตัวไปไหนต่อไหนได้เสมอ
สามารถเพิ่มข้อความและใส่รูปได้ตลอดเวลาตามต้องการ
โดยไม่จำเป็นต้องพกปากกาหรือกระดาษ และไม่ต้องถือกล้องถ่ายรูปให้เกะกะ
บันทึกเล่มที่ว่านี้อยู่ในโทรศัพท์มือถือค่ะ เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายรูปในตัว
และมี Android apprication ที่ชื่อว่า Moment Diary
ฉันไปโหลดจาก Android Market ไว้ในมือถือ (ฟรี)
เมื่อใดก็ตามที่ต้องการบันทึกเรื่องหนึ่งเรื่องใด คุณก็เพียงพิมพ์ข้อความลงไป ถ่ายรูปเพิ่มเข้าไป
มันก็จะกลายไดอารี่หนึ่งหน้าที่มีภาพประกอบ
วันเวลาช่วงนั้นๆก็เหมือนจะอยู่กับเราเสมอทุกเมื่อ เมื่อเปิดอ่าน
(จริงๆแล้ว App เกี่ยวกับ ไดอารี่ในแอนดรอยด์มาร์เก็ตมีมากมาย
ให้เลือกโหลดแบบฟรีๆค่ะ แต่ฉันสุ่มๆเลือกMoment แล้วพึงพอใจ
ด้วยเหตุว่าใช้ง่านสะดวกและรูปแบบเรียบง่าย…)
ทุกเรื่องราวที่พิมพ์ในมือถือสามารถโอนไฟล์ลงคอมพิวเตอร์ได้ตามต้องการ
หรือถ้ายอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อแอพเสริม ก็สามารถออนไลน์ในโลกไซเบอร์ได้ทันที
แต่ฉันไม่ออนไลน์ค่ะ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวเล็กๆน้อยไม่ได้สำคัญอะไร
บางทีก็เป็นเรื่องเม้าท์ที่คุยกับใครไม่ได้ต้องคุยกับตัวเอง
เป็นความสุขใจของคนชอบบันทึก เมื่อยามเปิดอ่านย้อนหลัง สนุกดี
แต่รู้ไหม การพิมพ์ข้อความในมือถือ มันไม่ง่าย ไม่เร็ว และสะดวกเหมือนในคอมพ์
โดยเฉพาะช่วงแรก ด้วยความที่คีย์บอร์ดหน้าจอมือถือแต่ละแป้นเล็กนิดเดียว
นิ้วเราใหญ่กว่าทำให้พิมพ์ผิดๆถูกๆตลอดต้องคอยลบคอยแก้
แต่ทำบ่อยขึ้นก็พอจะมีความชำนาญมากขึ้น คล่องแคล่วขึ้น
แต่จะชำนาญแค่ไหน การพิมพ์ข้อความในมือถือก็ยังใช้เวลานานกว่าในคอมพ์อยู่ดี
ซึ่งตามทฤษฎีบอกว่าการที่เราได้ใช้เวลามากกว่าในการบันทึกเรื่องราวต่างๆ …
มันมีข้อดีคือทำให้สมองได้คิด ทำให้เราเรียบเรียงข้อความได้ดีกว่า…
และที่สำคัญจะกระตุ้นสมองให้จดจำเรื่องราวได้ดีมากขึ้นด้วย
แต่การพิมพ์ข้อความเงอะงะๆในมือถือแบบยาวนานไม่เสร็จซักที
จะกระตุ้นสมองได้เทียบเท่าการเขียนด้วยกระดาษและปากกาหรือเปล่านั้น ???
ยังไม่ได้ทดสอบตัวเองอย่างเป็นทางการเลยค่ะ รู้แค่ว่าทุกวันนี้ยังเบลอๆ ขี้หลงขี้ลืมเหมือนเดิม
มีส่วนหนึ่งทฤษฎีบทนี้มาฝากกันค่ะ
เป็นข้อมูลเปรียบเทียบการจดบันทึกด้วยมือและการพิมพ์ที่มีผลต่อความจำ..
เว็บไซต์สนุกนำมาลงไว้ เป็นข้อมูล จากนิตยสารลิซ่า
เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็มีมือถือหรือแท็บเล็ตเอาไว้เป็นออร์แกไนเซอร์ช่วยจำส่วนตัว
แต่ถ้าคุณอยากจะจำให้ฝังลงไปในสมองจริงๆ ลองหยิบปากกามานั่งจดอาจจะเวิร์กกว่านะ
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ วารสาร Advance in Haptics ตีพิมพ์การศึกษาของสองนักวิจัยจากนอร์เวย์และฝรั่งเศส
ซึ่งชี้ว่าการเขียนด้วยมือและการพิมพ์บนคีย์บอร์ดนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิงในแง่การทำงานของสมอง
เพราะประสบการณ์ที่ได้สัมผัสปากกาหรือกระดาษจริงๆ จะหลงเหลืออยู่ในสมอง
มีการกระตุ้นสมองส่วนที่เรียกว่า Broca’s Area ช่วยให้เราสื่อสารและสำรวจสิ่งรอบๆ ตัว
และยังใช้เวลานานกว่าการพิมพ์ เราจึงเรียนรู้ได้มากกว่า
สาวๆ คนไหนอยากจำอะไรให้แม่นก็ลองจดๆๆๆ ดู ไม่เสียหายเนอะ
Lekh Says
น้ำจ๋าช่วยลดลงอีกเยอะหน่อย นะ นะ นะ